- +66 85555555
- [email protected]
- Mon - Fri: 9:00 - 18:30
ทนายเกิดผล แก้วเกิด
ทนายผู้ไม่เคยย่อท้อในชะตาชีวิต ชีวิตของ ทนายเกิดผล เปรียบกับสำนวนที่ว่าลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตนได้เป็นอย่างดี ชีวิตในวัยเด็กของเขาค่อนข้างลำบากมาก ภูมิลำเนาของทนายเกิดผลอยู่ที่ จ.อุดรธานี อาชีพของชาวบ้านส่วนใหญ่คือเกษตรกร แต่พ่อแม่ของเขามีอาชีพรับจ้างเนื่องจากไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ชีวิตของเด็กชายเกิดผลจึงต้องรับจ้างใช้แรงงานทั่วไป วันที่ว่างก็เข้าไปเก็บของป่า หน่อไม้ กล้วย มันลำปะหลัง เพื่อนำไปขายในเมืองและซื้อข้าวสารมาเจือจุนครอบครัว จนกระทั่งเรียนถึงชั้น ม.6 พ่อของเขาก็ได้เสียชีวิตลง บ้านที่อยู่ก็เป็นที่สาธารณะ ทำให้ขาดหัวหน้าครอบครัว เขากับแม่และพี่ชายจึงเลือกที่จะเดินทางไปกรุงเทพฯเพื่อหางานทำ
ชีวิตในกรุงเทพฯสำหรับนายเกิดผลในวัยเยาว์ เป็นชีวิตที่ลำบอกไม่แพ้วัยเด็ก เขา แม่ และพี่ชาย ประกอบอาชีพกรรมกรก่อสร้างแต่ด้วยร่างกายที่ตัวเล็ก งานใช้แรงงานค่อนข้างหนัก จึงออกหางานอย่างอื่นทำ ซึ่งก็ได้ไปสมัครงานโรงงานแต่ท้ายสุดเขาก็เกลี้ยกล่อมให้ไปทำงานลงเรือประมง ที่สมุทรสาสร แต่ชีวิตในเรือประมงไม่ง่ายเลย ทั้งเหนื่อย ทั้งเหม็นคาว อาหารการกิน ความเป็นอยู่บนเรือนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ แถมยังต้องทำงานแลกกับเงินที่นายจ้างหลอกเอามาขาย สุดท้ายจึงต้องหนีในช่วงที่เรือพักชายฝั่งที่ จ.นครศรีธรรมราช และกลับไปหาลุงที่กรุงเทพฯเพื่อที่จะหางานใหม่ทำ
เมื่อได้พบลุงที่ทำงานอยู่ที่บริษัทขนส่งสวนจตุจักร ก็เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ลุงได้ฝากงานให้ทำงาน งานที่ทำก็ใช้แรงงานยกของมีทั้งคนแก่คนหนุ่ม เขาจึงคิดที่จะเรียนต่อเพื่อหางานที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ เขาจึงได้ไปลงเรียน กศน. เรียนไปทำงานไปจนกระทั่งจบชั้น ม.6 ก็ได้เขียนจดหมายไปสมัครงานตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆจนกระทั่งได้งานที่บริษัทผลิตยาฆ่าแมลง ช่วงนั้นเขาจึงเดินทางกลับไปหาพี่ชายและแม่ แต่ขณะที่เขาขี่รถจักรยานยนต์ก็เกิดอุบัติเหตุถูกสิบล้อฝ่าไฟแดงชนอย่างจัง ทำให้บาดเจ็บสาหัส ทั้งหัวแตก ขาหัก สลบไปไม่รู้ตัว
จากคดีรถชนนั้นทำให้เขาต้องขึ้นโรงพักเพื่อไปเจรจากับคู่กรณี และเห็นถึงการทำงานที่ไม่ยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งๆที่สิบล้อเป็นฝ่ายผิดแต่ไม่เคยมาตามนัดและไม่มีเจตนาที่จะช่วยเหลือเรา จนภายหลังมารู้ว่าเจ้าของรถสิบล้อเป็นตำรวจจึงถอดใจ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือน “ถูกรังแก” จากคนที่มีโอกาสทางสังคมที่ดีกว่า จึงตั้งใจว่าจะเรียนต่อกฎหมายเพื่อไม่ให้ใครมารังแกเราอีก คงเป็นสิ่งที่พ่อของนายเกิดผลแสดงให้เห็นมาแต่เด็ก เนื่องจากพ่อเป็นคนที่ไม่ยอมใคร แต่ก็ไม่เคยรังแกใคร เมื่อพ่อเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องพ่อจะค้านเสมอเพื่อประโยชน์ของหมู่บ้านอยู่เสมอ
ส่วนบริษัทก็รับเขาเข้าทำงานแต่ได้มอบหมายงานเล็กๆน้อยๆให้ทำไปคราวก่อนเนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อมเพราะขาหักต้องใส่เฝือกอยู่หลายเดือน เขาก็ได้ไปลงเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่เรียนไปไม่ถึงเทอม ก็ทราบว่าวันสอบของรามคำแหงเป็นวันธรรมดา ฝ่ายธุรการแจ้งว่าหากยังไม่ผ่านโปรก็ไม่สามารถลางานได้ ทำให้เขาตัดสินใจไปลงเรียนที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช แต่ก็ไม่ได้ทิ้งรามคำแหง คราวนี้วันไหนที่เขาไปสอบได้เขาก็ไป วันไหนที่ไปไม่ได้เขาก็ไม่ไป จนสุดท้ายก็เลยจบมาทั้ง 2 มหาวิทยาลัย ทั้งรามคำแหงและมสธ.
แม้จะได้ใบรับปริญญามาแต่ก็เป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ระหว่างนั้นก็ได้ทำงานขับรถแท็กซี่เพื่อหารายได้ ในระหว่างนั้นก็ได้ไปฝึกงานกับสำนักงานทนายความในช่วงกลางวัน หลังฝึกงานเสร็จก็ไปขับแท็กซี่ต่อ ทำแบบนี้อยู่ประมาณปีเศษ ก็ผ่านการฝึกงานทนายความพร้อมกับจบเนติบัณฑิตไทย จนกระทั่งได้มีบริษัทสินทรัพย์ว่าจ้างมาเป็นทนายประจำบริษัท ดูแลเรื่องนิติกรรมสัญญาต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการติดตามทวงหนี้ ซึ่งไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ จึงได้ลาออกมาตั้งสำนักงานทนายความกับเพื่อนที่ตึกออลล์ ซีซั่น อาคารเอ็มไทย ถนนวิทยุ
แต่ชีวิตก็ไม่เคยง่ายสำหรับทนายเกิดผล ด้วยค่าเช่าตึกที่มีราคาแพง ทำให้ต้องคิดค่าว่าความกับลูกความสูงตามไปด้วย สิ่งที่เขามาตามหาคือความถูกต้องไม่ใช่เงิน สุดท้ายจึงตัดสินใจกลับบ้านมาอยู่บ้านและเลือกที่จะให้คำแนะนำปรึกษา ข้อกฎหมาย กับคนที่เดือดร้อน ถูกเอาเปรียบ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในช่วงนั้นอินเตอร์เน็ทเริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรามากขึ้น ก็ได้เข้าไปตอบคำถามข้อกฎหมายตามเว็บไซต์ โดยเฉพาะ Lawyerthai.com มีผู้ที่สนใจเป็นอย่างมาก และทำให้ได้รับการติดต่อไปเป็นวิทยากรกับหน่วยงานราชการ และได้ตั้งกลุ่ม “ทนายอาสา คลายปัญหาชาวบ้าน” เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้รวดเร็วและได้รับคำปรึกษาอย่างจริงใจไม่มีค่าใช้จ่าย
ในชีวิตของเขาผ่านอะไรมามากมาย ความสุขในรูปแบบของเขาก็คือเมื่อเรามีก็รู้จักแบ่งปัน อิ่มคนเดียวไม่สุขเท่าแบ่งปันให้คนอื่นอิ่มด้วย การช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ยิ่งสุขมากกว่านั้น เขาเชื่อว่าการทำความดี ซื่อสัตย์ในหน้าที่ สุดท้ายแล้วเงินทองก็จะไหลเข้ามาเอง อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆคนก็อาจคิดว่าแล้วอยู่ดีๆทำไม ทนายเกิดผล ถึงได้มีคนรู้จักมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “คดีหมูแฮม ไฮโซที่ขับรถยนต์หรูชนคนเสียชีวิตและบาดเจ็บที่ป้ายรถเมล์” “คดีคดีลุงเฉลียวชายสูงวัยพิการขาขาด รับของโจร” “คดีรถหรูมินิคูเปอร์ชน นศ.เอแบค 4 คน จนสาหัส บนสะพานพระราม 9 แล้วขับหนี” ซึ่งแต่ละคดีนั้นได้มีญาติของผู้เสียหายในคดีมาติดต่อให้เขาทำคดีให้ ซึ่งก็ได้ทำอย่างไม่หวั่นไหวหวาดกลัวต่ออิทธิพลมืด
ในชีวิตทนายนั้นยอมรับว่ามีคนที่คิดปองร้ายเรา เพราะเราทำคดีที่ไปขัดผลประโยชน์เขา มีการขู่เอาชีวิต ซึ่งเขาก็ให้เหตุผลว่าสิ่งที่เขาทำใช้หลักการความถูกต้อง การฆ่าทนายความก็ไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทางคดีได้ แถมยังทำให้มีคดีติดตัวมากขึ้นไปอีก สุดท้ายก็รอดมาได้ หลักการในการมีชีวิต การใช้ชีวิตของเขาคือการยึดมั่นในความดี ช่วยเหลือเกื้อกูลคนที่เดือดร้อนถูกเอาเปรียบ แบ่งปันโอกาสให้กับคนอื่นบ้าง การเป็นทนายเรามีโอกาสที่จะเลือกทำคดี แสวงหาความยุติธรรม ทำให้ประชาชนศรัทธาในความยุติธรรม เพื่อทำให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น
คดีสำคัญของ ทนายเกิดผล
- คดีผู้เสียหายที่ถูก คุณหมูแฮมขับรถชน
- คดีครูปาแก้วใส่เด็กนักเรียน
- นักศึกษา จ.พิษณุโลก ถูกตำรวจไล่ยิง